บริการที่ปรึกษาในการประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance)
บริการที่ปรึกษาประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance)
AlphaSec มีบริการที่ปรึกษาในการทำประกันภัยไซเบอร์ดังนี้
1. ร่วมประเมินความเสี่ยงเพื่อประเมินทุนประกันที่เหมาะสมกับองค์กร
2. เป็นที่ปรึกษาเพื่อประสานงานกับบริษัทนายหน้าประกันภัยในการออกกรมธรรม์ประกันภัยไซเบอร์ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงขององค์กร
โดยทั่วไปประกันภัยไซเบอร์จะให้ความคุ้มครองหลัก 2 ส่วน ดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายของผู้เอาประกันภัยหรือองค์กรที่ทำประกันภัยไซเบอร์
-
ความเสียหายจากเครือข่ายหยุดชะงัก (Business Interruption)
-
ค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบ (IT Forensic)
-
ค่าไถ่จากการขู่ทำลายข้อมูลทางไซเบอร์ (Ransomware)
-
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการถูกสืบสวนสอบสวนจากหน่วยงานภาครัฐ
-
ค่าปรับจากหน่วยงานภาครัฐ
-
ค่าใช้จ่ายในการกอบกู้ชื่อเสียง
-
ค่าใช้จ่ายในการแจ้งเตือนผู้ได้รับผลกระทบ
-
ค่าใช้จ่ายในการกู้ข้อมูลทางอิเล็คทรอนิคส์
2. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหรือลูกค้าขององค์กรที่ทำประกันภัยไซเบอร์
-
ความเสียหายต่อบุคคลภายนอกอันเกิดจากการกระทำ ความผิดพลาด การแสดงข้อความผิดพลาด ข้อความที่ชักนำให้เกิดการเข้าใจผิด ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่โดยหรือในนามผู้เอาประกันภัย
-
ความรับผิดต่อข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ต่อความปลอดภัยของข้อมูล
-
ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี
หากเปรียบเทียบกับความรับผิดใน พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 แล้ว ประกันภัยไซเบอร์จะคุ้มครองความรับผิดดังต่อไปนี้
-
คุ้มครองความรับผิดทางแพ่ง ครอบคลุมทั้งค่าเสียหายที่แท้จริงและค่าเสียหายเชิงลงโทษ รวมถึงค่าจ้างทนาย/ที่ปรึกษากฎหมาย ในการต่อสู้คดี ค่าเสียหายจากการละเมิดข้อมูลของเจ้าของข้อมูล
-
ไม่คุ้มครองความรับผิดทางอาญา
-
คุ้มครองค่าปรับจากความรับผิดทางปกครอง
-
การดำเนินคดีแบบกลุ่ม ซึ่งเป็นรูปแบบ/ วิธีการดำเนินคดีแบบหนึ่ง เช่น ฟ้องคดีแพ่ง โดยวิธีดำเนินคดีแบบกลุ่ม - คุ้มครองตามความรับผิดทางแพ่งได้
องค์กรโดนแฮกเกอร์ปล่อยไวรัสเจาะระบบขององค์กร และเรียกค่าไถ่ (Ransomware) ซึ่งถ้าองค์กรไม่ยินยอมจ่ายค่าไถ่ ก็จะไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ หรือเข้าถึงระบบข้อมูลของตนเองได้
-
องค์กรต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IT มาตรวจสอบ และจำกัดความเสียหาย
-
องค์กรสูญเสียกำไรจากการถูกปิดระบบ
-
ค่าไถ่ที่ทางองค์กรตกลงจ่ายให้กับแฮกเกอร์ โดยได้รับความยินยอมจากผู้รับประกันภัยก่อน
-
หน่วยงานภาครัฐสั่งปรับ
-
องค์กรถูกฟ้องร้องจากการที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ารั่วไหล
แฮกเกอร์โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ขององค์กร หรือระบบขององค์กรบนอินเตอร์เน็ต ทำให้ระบบขององค์กรปฎิเสธหรือหยุดการให้บริการ (DDoS)
-
องค์กรต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IT มาตรวจสอบ และจำกัดความเสียหาย
-
องค์กรสูญเสียกำไรจากการที่ระบบองค์กรไม่สามารถใช้งานได้
-
องค์กรถูกฟ้องร้องจากการที่ลูกค้าเกิดความเสียหายเนื่องจากระบบองค์กรไม่สามารถใช้งานได้
แฮกเกอร์เจาะเข้าระบบเว็บไซต์ขององค์กร และเผยแพร่ข้อความ ภาพ และหรือ เสียง ซึ่งต่อต้านรัฐบาลหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
-
องค์กรต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IT มาตรวจสอบ และจำกัดความเสียหาย
-
หน่วยงานภาครัฐสั่งปรับ
-
องค์กรถูกฟ้องร้องจากการละเมิดข้อมูลข่าวสารโดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์