top of page

10 ขั้นตอนการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับโรงพยาบาลรัฐของไทย



ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลรัฐของไทยจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ป่วยและระบบสำคัญ ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญในการเสริมสร้าง cybersecurity ให้กับโรงพยาบาลรัฐไทย:

1.จัดตั้งโครงสร้างการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์

  • แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นประธาน

  • กำหนดนโยบายและมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ชัดเจน

  • จัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระยะ 3-5 ปี

  • รายงานสถานะความเสี่ยงและการปฏิบัติตามมาตรฐานต่อผู้บริหารทุกไตรมาส



2.เสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

  • ติดตั้งระบบป้องกันอีเมลฟิชชิ่งและมัลแวร์ที่ทันสมัย

  • ใช้การยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (MFA) สำหรับการเข้าถึงระบบสำคัญทุกระบบ

  • ติดตั้งระบบตรวจจับและป้องกันการบุกรุก (IPS/IDS)

  • แบ่งแยกเครือข่ายและจำกัดการเข้าถึงตามหลักการ least privilege

  • ติดตั้งระบบป้องกันการโจมตีแบบ DDoS


3.ยกระดับการจัดการช่องโหว่และการแพทช์ระบบ

  • ทำการสแกนหาช่องโหว่อย่างน้อยทุกไตรมาส

  • จัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่และดำเนินการแก้ไขภายใน 30 วัน

  • ติดตั้งแพทช์ความปลอดภัยภายใน 14 วันหลังจากมีการเผยแพร่

  • ทำการทดสอบเจาะระบบ (penetration testing) อย่างน้อยปีละครั้ง


4.เพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองต่อเหตุการณ์

  • จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัย (SOC) แบบ 24x7

  • พัฒนาแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์และทดสอบแผนทุก 6 เดือน

  • เข้าร่วมเครือข่ายแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคาม เช่น TH-CERT

  • จัดเตรียมทีมตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน (CERT) พร้อมปฏิบัติงาน 24/7


5.ยกระดับความปลอดภัยของอุปกรณ์การแพทย์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย

  • จัดทำบัญชีและตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหมด

  • แยกเครือข่ายสำหรับอุปกรณ์การแพทย์ออกจากเครือข่ายทั่วไป

  • ปรับปรุงการตั้งค่าความปลอดภัยเริ่มต้นของอุปกรณ์ทุกชิ้น

  • ติดตามการอัปเดตความปลอดภัยจากผู้ผลิตและติดตั้งภายใน 30 วัน


6.เสริมสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้บุคลากร

  • จัดอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้พนักงานทุกคนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

  • จัดทำแคมเปญสร้างความตระหนักรายเดือน

  • จัดการทดสอบฟิชชิ่งจำลองทุกไตรมาสเพื่อประเมินความตระหนักของพนักงาน

  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์


7.บริหารจัดการความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน

  • ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของซัพพลายเออร์หลักทุกราย

  • กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำสำหรับซัพพลายเออร์

  • ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานของซัพพลายเออร์อย่างน้อยปีละครั้ง

  • จำกัดการเข้าถึงระบบของซัพพลายเออร์เท่าที่จำเป็น


8.ปรับปรุงการจัดการทรัพย์สินไอที

  • จัดทำบัญชีทรัพย์สินไอทีที่ครบถ้วนและปรับปรุงทุกเดือน

  • จัดประเภทและกำหนดระดับความสำคัญของทรัพย์สินทั้งหมด

  • ติดตามและควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ส่วนตัวในเครือข่ายองค์กร

  • กำหนดนโยบายการจัดการทรัพย์สินตลอดวงจรชีวิต


9.เพิ่มการป้องกันข้อมูล

  • เข้ารหัสข้อมูลสำคัญทั้งขณะจัดเก็บและส่งผ่านเครือข่าย

  • ติดตั้งและกำหนดค่าระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP)

  • จำกัดการเข้าถึงข้อมูลตามหลักการ need-to-know

  • สำรองข้อมูลทุกวันและทดสอบการกู้คืนทุกเดือน


10.พิจารณาทำประกันภัยไซเบอร์

  • ประเมินความคุ้มค่าของการทำประกันภัยไซเบอร์

  • ศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์อย่างละเอียด

  • ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์

  • ทบทวนและปรับปรุงความคุ้มครองเป็นประจำทุกปี

การดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นอย่างจริงจังและต่อเนื่องจะช่วยยกระดับความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของโรงพยาบาลรัฐไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การปรับใช้ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทและทรัพยากรของแต่ละโรงพยาบาล โดยเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นความท้าทายสำคัญของโรงพยาบาลในยุคดิจิทัล การลงทุนในด้านนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องข้อมูลผู้ป่วย รักษาความต่อเนื่องในการให้บริการ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โรงพยาบาลรัฐไทยควรเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้โดยเร็วที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน


ดู 159 ครั้ง

コメント


bottom of page