รู้หรือไม่ มีเว็บไซต์ที่สามารถตรวจสอบ Deepfake ได้หลายเว็บไซต์ แต่ละเว็บไซต์มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่
1. Deepware: เว็บไซต์นี้ใช้งานง่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิก เพียงอัปโหลดรูปภาพหรือวิดีโอที่ต้องการตรวจสอบ ระบบจะวิเคราะห์และแสดงผลลัพธ์ว่ามีโอกาสเป็น Deepfake หรือไม่
2. Sensity: เว็บไซต์นี้ให้บริการตรวจสอบ Deepfake แบบฟรีและแบบเสียเงิน เวอร์ชันฟรีสามารถวิเคราะห์รูปภาพได้ 5 รูปต่อเดือน เวอร์ชันเสียเงินสามารถวิเคราะห์รูปภาพและวิดีโอได้ไม่จำกัด
3. Deepfake Detection Challenge (DFDC): เว็บไซต์นี้จัดการแข่งขันตรวจจับ Deepfake เป็นประจำปี นักพัฒนาสามารถส่งโมเดลของตัวเองมาทดสอบกับชุดข้อมูล Deepfake ขนาดใหญ่
4. Google AI: Google พัฒนาโมเดลตรวจจับ Deepfake ที่ชื่อว่า "FaceForensics++" โมเดลนี้สามารถวิเคราะห์รูปภาพและวิดีโอได้อย่างแม่นยำ แต่ยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป
5. Microsoft: Microsoft พัฒนาโมเดลตรวจจับ Deepfake ที่ชื่อว่า "Microsoft Video Authenticator" โมเดลนี้สามารถวิเคราะห์วิดีโอได้อย่างแม่นยำ แต่ยังไม่เปิดให้ใช้งานทั่วไป
ข้อจำกัดของเว็บไซต์ตรวจสอบ Deepfake:
เว็บไซต์เหล่านี้ยังไม่สามารถตรวจจับ Deepfake ได้อย่างแม่นยำ 100%
เว็บไซต์บางแห่งต้องเสียค่าธรรมเนียมในการใช้งาน
เว็บไซต์บางแห่งใช้งานยาก ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค
วิธีอื่นๆ ในการตรวจสอบ Deepfake:
สังเกตรอยต่อของภาพหรือวิดีโอ
สังเกตสีผิวและแสงเงา
สังเกตการเคลื่อนไหวของใบหน้าและริมฝีปาก
ตรวจสอบที่มาของรูปภาพหรือวิดีโอ
ถามผู้เชี่ยวชาญ
สรุป: เว็บไซต์ตรวจสอบ Deepfake เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ไม่สามารถตรวจจับ Deepfake ได้อย่างแม่นยำ 100% ผู้ใช้ควรใช้วิจารณญาณควบคู่ไปด้วย
หมายเหตุ: เว็บไซต์ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง ยังมีเว็บไซต์ตรวจสอบ Deepfake อีกมากมาย ผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลและเลือกเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับความต้องการ
แหล่งข้อมูล:
Deepware: https://scanner.deepware.ai/
Sensity: https://www.sensity.ai/
Deepfake Detection Challenge (DFDC): https://www.kaggle.com/c/deepfake-detection-challenge